ก่อนหน้านี้เราเคยมีบทความเกี่ยวกับดอกไม้ไปหลายชนิดแล้ว คราวนี้ก็เป็นตาของดอกกล้วยไม้กันบ้างแล้วนะคะ เจ้าดอกไม้ชนิดนี้เชื่อว่าคนไทยหลายคนรู้จักกันดีแน่นอน เพราะเป็นดอกไม้ที่เรามักใช้ไหว้พระกันเป็นประจำ และมีปลูกให้เห็นอยู่ทั่วไป นอกจากนี้บ้านเรายังถือว่าเป็นศูนย์กลางในการปลูกกล้วยไม้เขตร้อนด้วย เพราะมีมากถึง 1,000 ชนิดเลยทีเดียว
แต่บทความนี้ เราจะไม่ได้มาพูดถึงการใช้งานดอกกล้วยไม้ในบ้านเรานะคะ เพราะเราจะพาไปเจาะลึกต้นกำเนิดของกล้วยไม้ในต่างประเทศว่ามีที่มาอย่างไร และประเทศไหนให้ความหมายดอกไม้ชนิดนี้ไว้อย่างไรบ้างค่ะ
ดอกไม้โบราณ อายุนานกว่า 200 ล้านปี
โลกเราอยู่มาหลายร้อยล้านปี มีอะไรเกิดขึ้นและกลายพันธุ์ไปหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือดอกกล้วยไม้นี่ล่ะค่ะ เพราะมีหลักฐานการค้นพบฟอสซิลของต้นกล้วยไม้ที่อายุราว 80 ล้านปี และจากการศึกษาต่อไปทำให้นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์กันว่าเจ้าดอกไม้ชนิดนี้น่าจะอยู่บนโลกเรามานานถึง 200 ล้านปีแล้วค่ะ โดยกระจายพันธุ์อยู่ในหลายพื้นที่ทั่วโลกกว่า 25,000 สายพันธุ์ ซึ่งมีมากที่สุดในทวีปยุโรป เอเชีย ประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศแคนาดา หรือพื้นที่ที่มีอากาศร้อนถึงอบอุ่นในเขตหนาว เป็นต้น
ถึงแม้ว่าดอกกล้วยไม้จะอยู่บนโลกเรามานานแล้ว แต่การนำมาปลูกเพื่อค้าขาย หรือประดับเพิ่งจะมีขึ้นเมื่อช่วง 300 ปีก่อนคริสตกาลตามบันทึกของธีโอเฟรตัส นักพฤกษศาสตร์คนแรกของโลกค่ะ
ทำไมถึงได้ชื่อว่ากล้วยไม้ (Orchid)
คำว่า Orchid มีที่มาจากภาษากรีกคำว่า Orchis เมื่อประมาณ 2,000 ปีก่อน โดยใช้เรียกชื่อดอกกล้วยไม้พันธุ์หนึ่งที่เติบโตในแถบนั้นที่ชื่อว่า Orchis Morio โดย Orchis ภาษากรีกหมายถึง อัณฑะ มีที่มาจากลักษณะรากของกล้วยไม้พันธุ์นี้ที่เหมือนกับอัณฑะนั่นเอง ซึ่งในปีค.ศ. 476 ชาวโรมันมักจะใช้รากของกล้วยไม้พันธุ์นี้มากินหรือแช่น้ำอาบเพื่อเป็นการกระตุ้นความต้องการทางเพศค่ะ ส่วนคนไทยจะเรียกพืชชนิดนี้ว่า กล้วยไม้ เพราะบางส่วนของกล้วยไม้ มีรูปร่างลักษณะคล้ายกับลำลูกกล้วยของกล้วยนั่นเองค่ะ
แค่อยู่คนละประเทศ ความหมายก็เปลี่ยน
อย่างที่เราได้บอกไปแต่แรกว่ากล้วยไม้มีหลายสายพันธุ์มาก ๆ และมีอยู่หลายประเทศ นี่เลยเป็นที่มาของความหมายอันหลากหลายของเจ้าพืชชนิดนี้ค่ะ ซึ่งในภาษาดอกไม้ กล้วยไม้เป็นสัญลักษณ์ของความรัก เพราะว่าเป็นพืชที่เติบโตง่าย และออกดอกได้แม้จะมีข้อจำกัดหลายอย่าง เหมือนกับความรักที่เกิดได้ทุกเวลาค่ะ
ความหมายดอกกล้วยไม้แต่ละประเทศ
ทีนี้เรามาดูความหมายของแต่ละยุค และแต่ละประเทศกันบ้างดีกว่าว่าให้ความหมายของดอกกล้วยไม้ไว้ว่าอย่างไรบ้าง
- สมัยกรีกโบราณ ยกให้ดอกกล้วยไม้เป็นสัญลักษณ์ความสมบูรณ์ทางเพศของผู้ชาย และหากบ้านไหนอยากได้ลูกเพศชาย ภรรยาก็จะทำอาหารที่มีส่วนกระเปาะของกล้วยไม้ให้สามีกินค่ะ
- สมัยวิตอเรีย มีความเชื่อว่ายิ่งให้ดอกไม้ที่หายากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นการบอกให้รู้ว่าความรักที่ผู้ให้มีต่อผู้รับนั้นลึกซึ้งมากแค่ไหน และเพราะดอกกล้วยไม้เป็นของหายากและแปลกตาในสมัยนั้น ทุกคนจึงมักจะมอบดอกกล้วยไม้ให้กัน เพื่อแสดงความรักและความหลงใหล
- สมัยญี่ปุ่นโบราณ ดอกกล้วยไม้เป็นสัญลักษณ์ของความร่ำรวย โดยราชวงศ์ญี่ปุ่นที่มักจะประดับดอกกล้วยไม้ไว้ในวังของพวกเขา รวมถึงสั่งให้วาดภาพเก็บไว้ในม้วนภาพกระดาษด้วย รวมถึงนักรบชาวญี่ปุ่นมักจะได้ดอกกล้วยไม้เป็นของรางวัลตอบแทนความกล้าหาญ
- จักรวรรดิแอซเท็ก จักวรรดิโบราณสมัยยุคแห่งการสำรวจ ไม่ได้มอบดอกกล้วยไม้ให้ใครเป็นของขวัญ แต่พวกเขาใช้วนิลลาซึ่งถือเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ของกล้วยไม้สกัด ผสมกับเมล็ดโกโก้ทำเป็นเครื่องดื่ม เพื่อเพิ่มพลังและความแข็งแรงให้ร่างกาย
- สมัยจีนโบราณ กล้วยไม้เป็นพืชที่ใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน ในทางการแพทย์ พวกเขาใช้กล้วยไม้ในการรักษาโรคที่เกี่ยวกับปอด รักษาอาการไอ และในทางปรัชญา ขงจื๊อมีความเชื่อว่าคนที่ซื่อสัตย์ มีศีลธรรมนั้นเปรียบเหมือนกล้วยไม้ เพราะทั้งสองอย่างนี้มีส่วนที่เหมือนกันคือ เป็นตัวแทนวัฒนธรรมที่สมบูรณ์แบบ แต่ในปัจจุบัน ดอกกล้วยไม้ถูกยกให้เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ ความละเอียดประณีต การไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง และความไร้เดียงสาของเด็ก นอกจากนี้ยังสื่อถึงความโชคดี และความเจริญรุ่งเรืองด้วย
- ประเทศฟิลิปปินส์ ยกให้กล้วยไม้เป็นสัญลักษณ์ของผู้ปกป้องป่า รวมเชื่อกันว่าใช้เป็นส่วนผสมในการทำผ้าคลุมของนางฟ้า ซึ่งความเชื่อนี้มีไปไกลถึงทางใต้ และอินโดนีเซียเลยค่ะ
- ชาวชวาเชื่อกันว่ากล้วยไม้สายพันธุ์สกุลว่านน้ำทองนั้นเป็นชิ้นส่วนที่หล่นลงมาจากเสื้อคลุมของนางฟ้าค่ะ
- ประเทศสิงคโปร์ ประกาศให้ดอกกล้วยไม้เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ โดยให้เหตุผลว่าความหมายของดอกกล้วยไม้ ซึ่งสื่อถึงความงดงาม ความสูงศักดิ์ การยกย่องชมเชย ความซื่อสัตย์ พลังอำนาจ และความภาคภูมิใจนั้นตรงกับความเป็นชาติสิงคโปร์
ทุกวันนี้ไม่ว่าจะประเทศไทย หรือประเทศไหน ดอกกล้วยไม้ก็ถูกจัดให้อยู่ในลิสต์ดอกไม้ที่คนต้องการมากที่สุด เพราะว่ามีความหมายดี สีสันสวยงาม จะมอบเป็นของขวัญให้กันก็ได้ หรือใช้สกัดเป็นน้ำหอมก็ดี เรียกได้ว่าเป็นพืชที่คุณสมบัติครบถ้วนจริง ๆ ค่ะ
ที่มา:
https://dengarden.com/
https://link.medium.com/fnDzrEbPh9
https://www.trueplookpanya.com/knowledge/content/59185