ดอกไม้บนโลกนี้มีกว่า 400,000 ชนิดที่มนุษย์เราค้นพบ
และยังมีอีกหลายชนิดที่ยังไม่ค้นพบ
ซึ่งดอกไม้ที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นดอกไม้ที่ปลูกได้ทั่วไป
อย่างเช่น ดอกกุหลาบ ดอกลิลลี่ ดอกทานตะวัน
หรือดอกคาร์เนชั่นอะไรแบบนี้ใช่ไหมคะ
แต่แน่นอนว่ามีดอกไม้ที่เห็นได้บ่อยแล้วก็ยังมีดอกไม้ที่หาได้ยากด้วย
และในบทความนี้ เราก็จะพาทุกคนไปดู 16
อันดับดอกไม้ที่หายากที่สุดในโลกนี้กันค่ะ
1. The Corpse Flower
หลายคนอาจจะรู้จัก แต่บางคนก็อาจจะยังไม่รู้ ว่าเจ้าดอกไม้ไซส์ยักษ์นี้คือดอกอะไร เราจะเล่าให้ได้อ่านกันค่ะ ดอกไม้ชนิดนี้ชื่อว่า Corpse Flower หรือดอกซากศพ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Amorphophallus titanum เป็นดอกไม้ยักษ์ที่ถูกบันทึกไว้ว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เพราะดอกของมันสามารถแทงยอดตั้งสูงขึ้นไปได้ถึง 3 เมตร โดยมีแหล่งกำเนิดอยู่บนเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซียค่ะ แต่ความพิเศษของมันไม่ได้มีแค่เรื่องขนาดเท่านั้นนะคะ เพราะเจ้าดอกไม้ชนิดนี้มีกลิ่นเหม็นมาก! ว่ากันว่าเหม็นเหมือนเนื้อเน่าสำหรับคน จนเป็นที่มาของชื่อดอกซากศพนี่ล่ะค่ะ แต่ใช่ว่ากลิ่นเหม็นนี้จะไม่ใช่เรื่องดีนะคะ เพราะว่าสำหรับแมลงแล้ว กลิ่นนี้กลับหอมยั่วยวนจนทำให้พวกมันมาช่วยผสมเกสรให้นั่นเองค่ะ
2. Flame lily
เจ้าดอกไม้ที่หน้าตาเหมือนเปลวไฟลุกโชนชนิดนี้มีชื่อว่า Flame lily มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gloriosa superba หรือภาษาไทยคือดอกดองดึงค่ะ โดยจะเติบโตในเขตร้อนชื้น ทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา และหมู่เกาะมาดากัสการ์ เห็นสวย ๆ แบบนี้มันมักขึ้นเป็นวัชพืชอยู่ตามชายป่า ขนาดว่าเป็นพื้นที่ที่มีระดับความสูงจากน้ำทะเลถึง 2,500 เมตรก็ยังขึ้นได้ แถมอยู่ได้หลายปีด้วย อึดไม่ใช่น้อยเลยล่ะค่ะ นอกจากนี้ดอกดองดึงยังถูกยกให้เป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศซิมบับเวด้วยนะคะ
3. Stinking corpse lily / Rafflesia
อีกหนึ่งพันธุ์ไม้หายากของเราเป็นดอกไม้ยักษ์อีกแล้วค่ะ เจ้าดอกนี้มีชื่อภาษาอังกฤษ 2 ชื่อด้วยกันคือ Stinking corpse lily และ Rafflesia มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Rafflesia arnoldii ส่วนชื่อภาษาไทยคือ บัวกลิ่นศพค่ะ และที่มันได้ชื่อนี้ก็เพราะว่ากลิ่นของมันเหม็นเน่าคล้ายซากศพ ชนิดที่ว่ากลิ่นเหม็นรุนแรงไม่แพ้ดอกซากศพเลย โดยดอกไม้ชนิดนี้จะเติบโตในป่าแถบประเทศมาเลเซีย หรือถ้าบ้านเราก็จะพบได้ตั้งแต่ จ.ระนอง ไล่ลงไปจนถึงสุดชายแดน จ.นราธิวาสเลยค่ะ มีอยู่ที่อุทยานแห่งชาติห้วยยาง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ค่ะ
4. Lady’s Slipper Orchid
Lady’s Slipper Orchid หรือกล้วยไม้รองเท้านารี มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cypripedium calceolus เป็นดอกกล้วยไม้ชนิดหนึ่งที่มีส่วนกระเปาะคล้ายกับรองเท้าของผู้หญิง โดยจะพบทั่วไปในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ค่ะ ซึ่งที่บ้านเรามีกล้วยไม้รองเท้านารีมากถึง 15 ชนิดเลยทีเดียว
5. Jade Vine
ดอกพวงหยก หรือ Jade Vine มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ Strongylodon macrobotrys เป็นดอกไม้จากป่าเขตร้อนในประเทศฟิลิปปินส์ที่ก่อนหน้านี้เคยเสี่ยงเป็นพืชที่ใกล้จะสูญพันธุ์มาแล้ว ความสวยงามของดอกไม้ชนิดนี้คือกลีบดอกสีเหมือนหยกห้อยระย้าลงมายาวกว่า 30-90 เซนติเมตรค่ะ
6. Ghost orchid
อันดับที่ 5 ของเรายังอยู่ที่กล้วยไม้เหมือนเดิมนะคะ โดยกล้วยไม้ที่เห็นอยู่นี้ชื่อว่า Ghost orchid (American Ghost Orchid) หรือดอกกล้วยไม้ผี มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Dendrophylax lindenii ความพิเศษของเจ้ากล้วยไม้สายพันธุ์นี้คือหายาก เพราะว่าเติบโตอยู่บนที่สูง และต้องมีสภาพแวดล้อมเฉพาะเท่านั้น ซึ่งสาเหตุที่มันได้ชื่อนี้ก็เป็นเพราะว่ารูปร่างของกลีบดอกเป็นสีขาว ลักษณะคล้ายวิญญาณคนกำลังลอยอยู่กลางอากาศนั่นเองค่ะ
7. Chocolate cosmos
บนโลกนี้มีดอกไม้กลิ่นช็อกโกแลตอยู่! และดอกไม้ที่ว่านั่นก็คือ Chocolate cosmos หรือดอกดาวกระจายช็อกโกแลต มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cosmos atrosanguineus ค่ะ โดยดอกไม้ชนิดนี้เป็นสายพันธุ์คอสโมพื้นเมืองของประเทศเม็กซิโก ที่ว่ากันว่าอยู่บนโลกของเรามากกว่า 100 ปีแล้ว ซึ่งลักษณะเด่นของดอกไม้ชนิดนี้จะอยู่ที่สีของกลีบดอกซึ่งเป็นสีแดงเข้มไปจนถึงสีน้ำตาล และมีกลิ่นหอมหวานคล้ายช็อกโกแลต ทำให้เป็นที่นิยมมากค่ะ
8. Gibraltar campion
ดอกยิบรอลตาร์ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Silene tomentosa กลีบดอกของมันมีตั้งแต่สีขาว สีม่วงไปจนถึงสีชมพูสว่าง เป็นดอกไม้ที่เดิมทีคนคิดว่าพวกมันเติบโตอยู่ในป่า แต่ในปี 1994 พวกมันถูกค้นพบที่เขตอนุรักษ์ธรรมชาติยิบรอลตาร์ ทางดินแดนโพ้นทะเลของบริเตน และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ได้มีการนำตัวอย่างของดอกไม้ชนิดนี้มาปลูกที่สวนพฤกษศาสตร์หลวงเมืองคิว ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษค่ะ
9. Middlemist’s Red
ดอก Middlemist’s Red หรือชื่อวิทยาศาสตร์คือ Middlemist camellia เป็นหนึ่งในดอกไม้สายพันธุ์เดียวกับดอกคามิลเลียค่ะ โดยชื่อของมันถูกตั้งตามผู้ค้นพบในปี 1804 คือนาย John Middlemist และเขาคนนี้เองที่เป็นคนนำดอกไม้ชนิดนี้จากประเทศจีนมาที่อังกฤษ ซึ่งปัจจุบัน เราสามารถพบเจอได้เพียงแค่ 2 แห่งเท่านั้นคือที่ประเทศนิวซีแลนด์ และประเทศอังกฤษค่ะ
10. Youtan poluo (Udumbara flower)
ดอก Youtan poluo หรือ Udumbara flower ชนิดนี้ ไม่เหมือนเพื่อน ๆ ดอกไม้ชนิดอื่นตรงที่ยังไม่มีชื่อวิทยาศาสตร์ และนอกจากจะเป็นพืชที่หายากด้วยแล้ว มันจะมองหาได้ยากมาก ๆ ด้วยเช่นกัน เพราะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่ถึง 1 มิลลิเมตรด้วยซ้ำไป ดอกไม้ชนิดนี้ถูกค้นพบในปี 2010 ที่บ้านของแม่ชีในเขาหลูซาน มณฑลเจียงซี ประเทศจีน และคาดกันว่าต้นกำเนิดของมันอยู่ที่ประเทศจีนและไต้หวัน นอกจากนี้ยังมีปรากฏอยู่ในคัมภีร์พระไตรปิฎกด้วยว่า ทุก ๆ 3,000 ปี ดอกไม้ชนิดนี้จะบานเพียงแค่ 1 ครั้งเท่านั้นค่ะ
11. Franklin tree flower
ดอกแฟรงคลิเนีย หรือชื่อวิทยาศาสตร์คือ Franklinia alatamaha เป็นดอกไม้ที่ถูกค้นพบในป่าช่วงต้นปี 1800 โดยเชื่อกันว่าต้นกำเนิดของมันอยู่ใกล้กับ Fort Barrington บริเวณแม่น้ำ Altamaha รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกาค่ะ โดยกลีบดอกของมันส่วนใหญ่จะเป็นสีขาว และมีเกสรสีเหลือง
12. Juliet rose
ดอกกุหลาบจูเลียต ถือเป็นดอกกุหลาบสายพันธุ์ที่มีราคาแพงที่สุดในโลก โดยเดวิด ออสติน นักผสมพันธุ์ดอกไม้ใช้เวลาถึง 15 ปี และเงินกว่า 4.3 ล้านดอลลาร์ในการสร้างสรรค์ดอกกุหลาบชนิดนี้ขึ้นมาได้สำเร็จ และเปิดตัวครั้งแรกในปี 2006 ที่ Chelsea Flower Show ประเทศลอนดอน
13. Kadupul flower
ดอกคาดูพูล หรือชื่อวิทยาศาสตร์คือ Epiphyllum oxypetalum ถูกขนานนามว่าเป็นราชินีแห่งดอกไม้ยามราตรี และมีอีกชื่อเรียกว่าไปป์ของชาวดัตช์แมน มีต้นกำเนิดอยู่ที่ศรีลังกา แต่บางครั้งก็ถูกค้นพบที่ประเทศในแถบลาตินอเมริกา จีน ญี่ปุ่น และอินเดีย ความพิเศษของดอกไม้ชนิดนี้คือการที่มักจะบานในเวลากลางคืน และเหี่ยวเฉาก่อนจะที่จะเช้า ทำให้ใครที่อยากจะเห็นความงามของดอกไม้ชนิดนี้ จะสามารถพบเห็นได้ในเวลากลางคืนเท่านั้นค่ะ
14. Rothschild’s slipper orchid (Gold of Kinabalu orchid)
ดอกกล้วยไม้รองเท้าแห่งรอธส์ไชลด์ หรืออีกชื่อว่ากล้วยไม้ทองคำแห่งคินาบาลู และมีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า Paphiopedilum rothschildianum เป็นหนึ่งในตระกูลกล้วยไม้หายาก และมีราคาแพงที่สุดในโลก มีต้นกำเนิดอยู่ที่เกาะบอร์เนียว รัฐซาบาร์ ประเทศมาเลเซีย และใช้เวลากว่า 15 ปีในการเจริญเติบโตจนออกดอกให้ผู้คนได้พบเห็น
15. Cooke’s Kokio
ดอก Cooke’s Kokio มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ที่ไม่ต่างกันเท่าไหร่นักว่า Kokia cookei ถูกค้นพบครั้งแรกบนเกาะฮาวายปลายศตวรรษที่ 19 เป็นสายพันธุ์ดอกไม้หายากที่เริ่มใกล้จะสูญพันธุ์ เนื่องจากมีความยากในการเพาะปลูกและในหนึ่งปีจะบานแค่เพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น
16. Lotus berthelotii (Parrot’s beak)
ดอกจงอยปากนกแก้ว (Parrot’s Beak) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Lotus berthelotii กลีบดอกมีสีแดง สีส้ม หรือสีเหลืองอมส้ม ต้นกำเนิดของดอกไม้ชนิดนี้อยู่ที่เกาะคานารี และเกาะเคปเวิร์ด คาดกันว่าแรกเริ่มนั้นเป็นดอกไม้ที่พบได้เฉพาะในป่า แต่มีคนนำมาเพาะปลูกในทุ่งดอกไม้ภายหลังค่ะ
เป็นยังไงบ้างคะกับดอกไม้ทั้ง 16 ชนิดที่ว่ากันว่าเป็นดอกไม้พันธุ์ที่หายากที่สุดในโลก บางดอกก็หน้าตาแปลกประหลาดเหมือนหลุดมาจากยุคไดโนเสาร์ แถมยังมีกลิ่นเหม็นอีกต่างหาก บางดอกก็มีหน้าตาและสีสันสวยงาม ชวนให้หลงรักแต่ก็หาชมได้ยากเสียเหลือ แต่ทั้งหมดนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของโลกใบนี้จริง ๆ ค่ะ และถึงดอกไม้พวกนี้จะหายากจนเราหามาให้บริการไม่ได้ แต่ร้านของเราก็มีดอกไม้สวย ๆ ให้บริการอยู่นะคะ ไหน ๆ แล้วก็ขอแนะนำดอกไม้ขายดีของเราทั้ง 3 แบบนี้ค่ะ บอกเลยว่าฮิตมาก!
นอกจากดอกไม้ทั้ง 3 แบบที่เราแนะนำไปแล้ว หากใครต้องการอุดหนุนร้านดอกไม้ของเรา ทั้งช่อดอกไม้ แจกันดอกไม้ และรูปแบบอื่น ๆ อีกมากมาย สามารถสั่งซื้อได้เพียงคลิก https://www.loveyouflower.com/
ที่มา: https://www.msn.com/en-au/news/techandscience/16-of-the-rarest-flowers-on-earth/ar-BBWm642
หากใครต้องการอุดหนุนร้านดอกไม้ของเรา ทั้งช่อดอกไม้ แจกันดอกไม้ และรูปแบบอื่น ๆ อีกมากมาย ก็สามารถสั่งซื้อได้ทุกช่องทางค่ะ